คนขับรถหิว หยิบส้มมากิน ส้มติดคอ ชนสนั่นหลายคัน

คนขับรถหิว หยิบส้มมากิน ส้มติดคอ ชนสนั่นหลายคัน

เกิดเหตุ รถชนสนั่นหลายคันในจังหวัดชลบุรี คนขับเล่าหิวจึงหยิบส้มมากิน ผลปรากฎ ส้มติดคอ หน้ามืด ก่อนชนท้ายรถในที่สุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันที่บริเวณหน้าตลาดนัดแทรกเตอร์ หมู่ 6 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรีบรุดพื้นที่ตรวจสอบ โดยจุดเกิดเหตุพบ รถกระบะสีขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ภายหลังพุ่งชนรถกระบะสีขาวอีกคัน ใกล้กันยังพบรถเก๋งสีบรอนซ์เทาและรถกระบะสีบรอนซ์เทาได้รับความเสียหาย

จากการสอบถาม นายวิวรรธน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี 

คนขับรถกระบะที่พุ่งชน เล่าว่า ตนขับรถมาจากบ้านสวน จะไปหนองไผ่แก้ว รู้สึกหิวจึงหยิบส้มมากิน จู่ๆ ส้มติดคอ ก่อนหน้ามืด ชนรถเก๋งก่อนจะพุ่งชนรถกระบะดังกล่าว และรถกระบะก็ไหลไปกระแทกรถกระบะอีกคันที่จอดด้านหน้าด้วย

ขณะที่ น.ส.ปุณธวีร์ จงสิริธนาศักดิ์ อายุ 58 ปี เจ้าของรถกระบะที่ถูกชนท้าย เล่าว่า ตนจอดรถชิดฟุตบาท เพื่อซื้อสินค้า ขณะกำลังรอบิลได้ยินเสียงดังสนั่น ออกมาดูพบว่ารถตนถูกชนท้ายแล้ว ถ้าตนอยู่ในรถหรือท้ายรถ คงโดนชนบาดเจ็บแน่ ด้านตำรวจ สภ.ชลบุรี จะตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สลด ทหารขับรถแหกโค้ง ชนตนไม้ หลังกลับจากเที่ยวราตรีในเขตอำเภอโนนไทย เสียชีวิต 5 ศพ บาดเจ็บ 4 ราย เกิดอุบัติเหตุรถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน แหกโค้งชนกับต้นไม้ บนถนนสายโคกสวาย-ลำเชียงไกร บริเวณบ้านสระตะเฆ่ หมู่ 4 ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ในขณะที่รถคันดังกล่าวกำลังกลับจากสถานบันเทิงเมื่อช่วงเวลาประมาณ 3.05 น. ของวันที่ 16 มกราคม

เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงจุดเกิดเหตุพบสภาพรถพลิกคว่ำชนกับต้นไม้ เสียหายยับเยิน ภายในรถพบผู้เสียชีวิต 1 ศพ ส่วนอีก 4 ศพกระเด็นออกมาจากรถ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย

จากการตรวจสอบทำให้ทราบว่าคนขับหรือ จ่าสิบตรีพยุงเกียรติ หวายสันเทียะ อายุ 31 ปี ทหารสังกัดกองพลทหารราบที่ 11 กรุงเทพฯ ได้ลางานกลับมาเยี่ยมบ้านหลังปีใหม่ โดยจ่าสิบตรีพยุงเกียรติ ไปรับเพื่อนในหมู่บ้านหนองแวง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย รวม 9 คน นั่งในตัวรถ 5 คน และนั่งกระบะหลังอีก 4 คน ไปเที่ยวดื่มกินที่สถานบันเทิงในเขตอำเภอโนนไทย

ขากลับขับมาด้วยความเร็วสูงตามถนนสายดังกล่าว เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถได้เสียหลักแหกโค้งพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้มีผู้ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 5 ศพ รวมถึงตัวของ จ่าสิบตรีพยุงเกียรติ ที่เสียชีวิตคาพวงมาลัย โดยผู้ตายเป็นเพื่อนกันอยู่ที่บ้านหนองแวง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย

ก่อนหน้านี้ทางศาลได้ออกหมายจับอีโต่งในข้อหา กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยเด็กนั้นไม่สามารถขัดขืนได้ , พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำต่อสิ่งนั้น และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง

ผมเชื่อจริงๆว่า ส่วนของสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นี้ล้วนประกอบกันทำให้ ณ ปัจจุบัน การรักษาของผมจึงเป็นไปได้ด้วยดี ตัวผมเองก็สวดมนต์ทำบุญอยู่ตลอด และหวังว่าทุกท่านที่ส่งต่อพลังดีๆให้ผมจะได้พบเจอสิ่งดีๆในชีวิตเช่นกันครับ

 ‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงจับกุม ตำรวจ – DSI เอื้อผลประโยชน์ ‘จีนสีเทา’

บิ๊กโจ๊ก แถลงจับ ตำรวจ – DSI มีตั้งแต่ พล.ต.ต.-ประทวน กรณีเอื้อผลประโยชน์ทุน จีนสีเทา ตั้ง 3 ข้อหา โทษหนักสุดถึงประหารชีวิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร หรือ บิ๊กโจ๊ก ชี้แจงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีที่มีการกล่างหาว่าเจ้าหน้าที่ DSI และตำรวจ ยศตั้งแต่ พล.ต.ต.-ประทวน ตามหมายจับเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา รวมถึงการยักยอกของกลางเป็นเงินจำนวนหนึ่ง

จากการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ความว่าพบว่ามี DSI, ตำรวจ 191 และทหารยึดของกลางยักยอกของกลาง และเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินอีก 4 ล้านบาท และได้ยื่นหลักฐานต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับตำรวจ, DSI, ทหาร และล่ามชาวจีนซึ่งเป็นพยานคนสำคัญ

สำหรับความผิดที่ถูกกล่าวหามีอยู่สามมาตราได้แก่ ม.157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่โดยไม่ชอบ, ม.149 เรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งโทษหนัก โดยโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต และ ม.187 ทำลายวัตถุของกลางต่างๆ

ส่วนกรณีที่มีการตรวจค้นบ้านพักรองรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยนั้น บิ๊กโจ๊ก ระบุว่าไม่ใช่สถานกงสุล แต่เป็นบ้านพักที่คนจีนพักอาศัยอยู่และใช้วีซ่าปลอม โดยทำวีซ่าให้คนจีนด้วยกันและคนนาอูรู โดยคนจีนทั้งหมดที่อยู่ในบ้านหลักกล่าวได้หลบหนีออกไปแล้ว นอกจากนี้บิ๊กโจ๊กยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่าผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีหมายแดงของทางการจีน

นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว แล้วไปถอดเซอร์เวอร์ของคอมพ์กล้องวงจรปิดเอากลับไปบ้านเพื่อไม่ให้มีหลักฐาน

หลังจากนี้ทาง บิ๊กโจ๊ก จะร่วมประชุมเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มอีกไหม ไม่ว่าจะเป็นทั้งหน่วยงาน DSI, ตำรวจ 191 ว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยจะสอบสวนว่าอธิบดี DSI มีส่วนรู้เห็นถึงเหตุดังกล่าวหรือไม่ โดยการประชุมเพิ่มเติมครั้งนี้ก็เพื่อลบข้อสงสัยจากประชาชนว่ามียังมีผู้เกี่ยวข้องลอยนวลอีกด้วยหรือไม่

Credit : ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ